วิธีการดูแลรักษาที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
1. หมั่นตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่ อย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้น้ำกรดและน้ำกลั่นภายในไหลออกมาทำลายผิวและสีของรถยนต์ นอกจากนี้ยังทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพไวและไม่เก็บประจุไฟฟ้า
2. ตรวจสอบและทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ ถ้ามีคราบเกลือเกิดขึ้นให้ทำความสะอาด โดยใช้น้ำร้อยเททำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่และเช็ดขั้วสายไฟให้แห้ง แล้วทาด้วยจารบีเพื่อให้ไฟเดินสะดวก
3. ตรวจสภาพของระดับน้ำกลั่นอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้งหรือเร็วกว่านั้น
4. กรณีที่รถสตาร์ทติดยาก ไฟหน้ารถไม่ค่อยสว่าง แตรไม่ค่อยดัง เครื่องเล่นเทปเสียงยาน แสดงว่าไฟไม่พอควรนำแบตเตอรี่ไปชาร์จไฟเพิ่มพร้อมกับให้ช่างผู้ชำนาญระบบไฟรถยนต์ตรวจสอบอีกครั้ง
5. ตรวจเช็คจุกแบตเตอรี่ ต้องขันให้แน่นทุกครั้งและที่รูระบายอากาศต้องไม่อุดตัน
6. ควรศึกษาการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่ และไดชาร์จเพื่อที่จะให้วงจรการไหลของไฟฟ้าเป็นไปด้วยดี
7. ควรเติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับที่กำหนด ไม่ควรต่ำหรือสูงเกินไป
8. การจอดรถทิ้งไว้นานกว่า 3 สัปดาห์ มีผลทำให้แผ่นธาตุเสื่อมไวและคุณภาพการเก็บไฟลดต่ำลง
สัญญาณเตือน เมื่อแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม
1. เครื่องยนต์สตาร์ทติดยาก เนื่องจากแบตไม่มีกำลังไฟพอที่จะไปหมุนมอเตอร์สตาร์ทได้ตามปกติ
2. ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยกว่าปกติ อาจมีสาเหตุมาจากแบตเตอรี่มีรอยร้าวหรือเกิดความร้อนในการทำปฏิกิริยาทาง เคมีค่อนข้างสูง เนื่องจากการใช้งานในสถานที่ซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ
3. ระบบไฟส่องสว่างและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทำงานด้อยลงไป
4. ใช้งานมานานกว่า 1.5 – 2 ปี โดยไม่ค่อยได้ดูแลรักษา
5. แผ่นธาตุบวมหรือชำรุดจนไม่อาจสร้างกระแสไฟได้เท่าเดิมซึ่งอาจส่งผลให้เปลือกหม้อแบตเตอรี่บวมตามไปด้ด้วย